พระพิฆเนศ มีต้นกำเนิดจากคติความเชื่อของศาสนาฮินดู เมื่อกว่า 4,000 ปีมาแล้ว ในประเทศไทยพระพิฆเนศถือเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง ที่ชาวไทยรู้จักและเลื่อมใสศรัทธามาก เพราะเชื่อกันว่า เป็นเทพแห่งความสำเร็จในทุกสรรพศาสตร์ เมื่อคนใดได้สักการะบูชา จะนำมาซึ่งความสำเร็จทั้งปวงโดยเฉพาะผู้มีอาชีพการงานด้านศิลปิน นักแสดง และวิชาชีพทุกสาขา
สมาคมชาวฉะเชิงเทรา นำโดย พล.ต.อ. สมชาย วาณิชเสนี นายกสมาคม ได้จัดสร้าง อุทยานพระพิฆเนศ โดยมีองค์พระพิฆเนศ เนื้อโลหะบรอนซ์นอก (สำริด) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นองค์ประธาน ความสูงรวมแท่นฐาน 39 เมตร ประกอบด้วยชิ้นส่วน 854 ชิ้น ประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง อ. คลองเขื่อน จ. ฉะเชิงเทรา บนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ การจัดสร้างเริ่มขึ้นในปี 2551 และองค์พระเสร็จสมบูรณ์ในปี 2555
จุดประสงค์ในการก่อสร้างเพื่อให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อีกแห่งในจังหวัดฉะเชิงเทราและประเทศไทย และสร้างความเจริญที่ยั่งยืน ให้กับชุมชน อีกทั้งยังเป็นสถานที่รวบรวมประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของเมืองแปดริ้ว และเป็นการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวของแม่น้ำ บางประกง ซึ่งมีธรรมชาติที่งดงามและอุดมสมบูรณ์
ด้วยพลังแห่งความกตัญญูและสำนึกรักในบ้านเกิดเมืองนอน ทำให้เกิดความร่วมมือ ในการสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง กลายเป็นอนุสรณ์ แห่งความศรัทธา ความร่วมแรงร่วมใจ และเป็นมรดกแห่งแผ่นดินไปชั่วรุ่นลูกรุ่นหลาน
" จุดมุ่งหมายในชีวิตของผมคือการได้ตอบแทนบุญคุณบ้านเกิด ในสมัยที่ผมเป็น นายกสมาคมชาวฉะเชิงเทรา จึงได้ปรึกษากับ คณะกรรมการสมาคม ฯ ซึ่งทุกท่านมีความคิดเห็นตรงกันว่า ควรจะสร้างสิ่งเป็นสาธารณประโยชน์ให้กับจังหวัดบ้านเกิด คุณวัชรพงษ์ หรือคุณอุ๊ กรุงสยามนำเสนอให้สร้างพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นชอบ และโดยส่วนตัวผมก็มี ความเคารพศรัทธาในองค์พระพิฆเนศมานานแล้ว
คณะทำงานจึงหาสถานที่ตั้ง โดยมีจุดประสงค์คือการหาที่ที่ยังไม่เจริญเพื่อนำความเจริญไปสู่ชุมชน ด้านนึงติดถนนอีกด้าน ต้องติดแม่น้ำ บางปะกง เนื่องจากองค์พระพิฆเนศเป็นองค์ยืนที่มีความสูงโดดเด่น จุดเด่นก็คือ มาทางน้ำก็เห็น ทางบกก็เห็น จึงได้เลือก อ.คลองเขื่อนเป็นสถานที่จัดสร้าง เพราะว่าที่คลองเขื่อนนี้เป็นพื้นที่ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นพื้นที่ทีมีชัยภูมิที่เหมาะสม " พล.ต.อ.สมชาย วาณิชเสนี (ประธานการจัดสร้าง)
" จากการที่สมาคมฯ ต้องมีกิจกรรมเพื่อหารายได้เพื่อการกุศลตลอด เรามองในระยะยาวว่าสมาคมฯ ต้องจัดการที่มาของรายได้ส่วนหนึ่ง แล้วจะทำยังไงให้ยั่งยืน แนวคิดของผมคือการเก็บเงินไว้นั้นไม่เกิดประโยชน์ จึงมีความคิดให้สร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในแปดริ้วมีหลวงพ่อโสธรอยู่แล้ว เราจะไปสร้างพระพุทธรูปก็ไม่เหมาะ จึงสร้างเทพที่เป็นสากลที่สุดนั่นคือ พระพิฆเนศ โดยปางที่ได้เลือกมาในครั้งนี้ เป็นผลงานของ อ. พิทักษ์ เฉลิมเล่า ที่มีหัวใจสำคัญคือ ที่พระหัตถ์ทั้งสี่ถือพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะ มะม่วงซึ่งเป็นผลไม้ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งที่องค์ถือไว้มันบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ ของเมืองแปดริ้วเป็นสัญลักษณ์ ทำให้เป็นขวัญกำลังใจของพี่น้องที่ทำเกษตรกรรมของเมืองแปดริ้วด้วย "
สัมภาษณ์: คุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์
จากแรงบันดาลใจในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ทำให้ อ. พิทักษ์ เฉลิมเล่า ประติมากรระดับชำนาญการสำนักช่าง 10 หมู่
กรมศิลปกร ได้สรรสร้างงานปั้นพระพิฆเนศปางยืนองค์นี้ อันเป็นผลงานที่มีความงดงาม จนมาเป็น ประติมากรรมอันล้ำค่าชิ้นหนึ่งของประเทศไทย
" ผมมีแรงบันดาลใจเป็นองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 โดยเฉพาะในเรื่อง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของท่าน ทำให้ผมเลือกออกแบบพระพิฆเนศองค์นี้ให้พระกรณ์ทั้งสี่ถือ อ้อย กล้วย ขนุน มะม่วง ซึ่งเป็นพันธุ์พืชในเกษตร ของเรา และเป็นตัวแทนของเกษตรกร ผมออกแบบรูปทรงท่านให้เรียบง่ายที่สุด โดยเอาสัญลักษณ์ของดอกบัวมา เป็นมงกุฎ ซึ่งเป็นการแสดงถึงปัญญา ดอกบัวถูกใช้ในเครื่องทรง กำไรข้อมือ ข้อเท้า โดยดอกบัวนั้นถูกประยุกต์ให้ดู เรียบง่าย ไม่ได้ดูหรูหรา ด้านบนรัศมีขององค์ท่านประดับด้วยตัวหนังสือโอม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์พระพิฆเนศ เท้าด้านหนึ่งกำลังก้าวไปด้านหน้า เป็นการแสดงถึงความเจริญก้าวหน้าทั้งของประเทศเราและผู้มาสักการะบูชา "
สัมภาษณ์: อ. พิทักษ์ เฉลิมเล่า (ประติมากรผู้ปั้น)
พระพิฆเนศปางสำริด สำเร็จ สมปรารถณา ถือเป็นประติมากรรมที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการรังสรรค์ ประกอบกับศิลปะอันวิจิตรสวยงาม ด้วยความสูงเฉพาะองค์ท่าน 30 ม.ถ้ารวมจากฐานจะมีความสูง 39 ม.ประกอบจากชิ้นส่วนสำริดจำนวนถึง 854 ชิ้น ถือได้ว่าเป็น พระพิฆเนศเนื้อสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก
" อัตราส่วนของพระพิฆเนศขยาย 16.7 เท่าก็จะครบ 30 เมตรตั้งแต่ฐานถึงดอกบัวโอม เราต้องนำต้นแบบจริงที่ทำจาก ปูนปลาสเตอร์ มาถอดพิมพ์ เพื่อตัดเป็นสัดส่วนเป็นจิ๊กซอว์ โดยเอาเข้าเครื่องสแกน หลังจากตัดเป็นสัดส่วนแล้ว จึงนำเอาไปหล่อด้วยโลหะสำริด นำเข้ามาเป็นแท่ง เหตุที่ใช้ทองสำริดเนื่องจากจะอยู่ได้เป็นพันๆปี โดยใช้อุณหภูมิ ในการหล่อประมาณ 1200 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นเราต้องนำขึ้นมาเทใส่พิมพ์ภายใน 6 วินาทีเท่านั้น พิมพ์ทำมา จากทรายผสมเรซิน เป็นระบบเดียวกันกับการหล่อ องค์พระบรมรูปทรงม้า หล่อให้ได้ชิ้นส่วนทั้งหมด 854 ชิ้น หลังจากนั้นจึงนำไปเชื่อมด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งในระหว่างทำการเชื่อมต่อ ประติมากรผู้ปั้นก็ได้ เข้ามาตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ หลังจากเสร็จกระบวนการ จะทำการปฎิน่า ลงสีด้วยสารเคมี สุดท้ายองค์ท่านจะ เปลี่ยนเป็นทองสีเขียว ยิ่งเก่ายิ่งใหม่ "
สัมภาษณ์: คุณถวัลย์ เมืองช้าง (ผู้หล่อองค์พระ)
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการก่อสร้างวัตถุชิ้นใหญ่ เช่นนี้ คือ ฐานรากองค์พระ จากการคำนวนแล้ว ตัวองค์พระประกอบด้วยสำริดหนัก ประมาณ 40 ตัน ตัวโครงเหล็กที่จะยึดเกาะสำริดประมาณ 100 กว่าตัน น้ำหนักโดยรวมทั้งหมดเกือบสองร้อยตัน นอกจากน้ำหนักองค์พระแล้วเรายังมี แรงลมแรงสั่นสะเทือนที่มาคำนวณ เพราะฉะนั้น ฐานรากจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้อง คำนึงถึง เราใช้เข็มยาวตอกลงไปถึงชั้นดิน ข้างล่าง ซึ่งจะสามารถรับน้ำหนักได้ทั้งหมด พันตัน เราใช้เข็มทั้งหมด สิบต้น
" สำหรับจุดที่จะรับน้ำหนักองค์พระพิฆเนศองค์นี้ จะอยู่ที่สองขาเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากสิ่งก่อสร้างโดยปกติที่น้ำหนักจะกระจายไปหลายๆจุด เพราะฉะนั้น โครงสร้างเหล็กที่จะรับน้ำหนักทั้งหมดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่วิศวกรจะต้องออกแบบและใช้เหล็กที่จะสามารถรับน้ำหนักทั้งหมดที่ขาได้ แถมขายังมีลักษณะคด ซึ่งทางปฏิมากรท่านไม่คิดมาก่อนว่าต้นแบบจะถูกนำไปก่อสร้างเป็นองค์ใหญ่ การประกอบจึงค่อยๆ เริ่มจากฐานขึ้นไปทีละชั้น ชั้นหนึ่งสูงประมาณเมตรเศษ โดยใช้เวลาทั้งหมด 4 ปี
ในส่วนแขนนั้น เนื่องจากแขนท่านยื่นออกไปยาว วิศวกรจึงต้องมีการออกแบบ โดยต้องใช้เหล็กที่มีน้ำหนักเบาแต่รับน้ำหนักได้สูง ซึ่งจะต้องใช้เหล็กที่มีคุณภาพสูง ซึ่่งทุกอย่างก็ ผ่านไปด้วยดี มีการตรวจสอบแบบ และขออนุญาตแบบจากทางราชการเรียบร้อย "
สัมภาษณ์: คุณอนันต์ วงศ์พานิช (ประธานฝ่ายสร้างองค์พระ)
ทางสมาคมหวังว่าการจัดสร้าง พระพิฆเนศปางสำริด สำเร็จ สมปรารถณา องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ อุทยานพระพิฆเนศ คลองเขื่อน จังหวัด ฉะเชิงเทรา จะเป็น สถานที่ที่ให้ประชาชน จากทั่วโลกมาท่องเที่ยว พร้อมกับมาสักการะบูชา ขอพรองค์พระพิฆเนศ โดยเชื่อว่า องค์พระพิฆเนศองค์นี้ จะบันดาลให้พรของผู้มาสักการะทุกคน สัมฤทธิ์ สำเร็จ สมปรารถณาดั่งชื่อขององค์ท่าน ทั้งสมาคมยังต้องการให้เป็นอนุสรณ์แห่งความศรัทธา ความร่วมแรงร่วมใจ และเป็นมรดกแห่งแผ่นดินสยามสืบต่อไป
ประธานฝ่ายสร้างองค์พระ
ประธานฝ่ายสถานที่
ผู้ริเริ่มโครงการ
ผู้มอบลิขสิทธิ์
ประติมากรผู้ปั้น
ผู้หล่อองค์พระ
วิศวกรโครงสร้าง
ฝ่ายการเงิน
สถาปนิก